เมื่อ Teddy Bear ถือกำเนิดฝั่งยุโรป
ในเวลาใกล้เคียงกันนั้นที่เยอรมัน ริชาร์ด สไตฟ์ (Richard Steiff) ซึ่งเป็นหลานของคุณมากาเร็ต สไตฟ์ (Margarete Steiff) ผู้ผลิตและเจ้าของบริษัททำตุ๊กตา Steiff ก็ได้ไปเที่ยวดูละครสัตว์เพื่อหาไอเดียใหม่ ๆ ให้กับงานออกแบบตุ๊กตาของตน เมื่อกลับมาแล้วเขาก็ได้ผลิตตุ๊กตาหมีที่มีข้อต่อขยับได้ โดยตุ๊กตาหมีของคุณ สไตฟ์ มีลักษณะหลังค่อม จมูกยาว ดูเหมือนลูกหมีจริง ๆ มากกว่าของคุณมิชทอม และพอเดือน มี.ค. ปี 1903 ตุ๊กตาหมีรุ่นนี้ก็ได้ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานแสดงของเล่น แต่ไม่มีคนให้ความสนใจ จนถึงวันสุดท้ายของงาน มีพ่อค้าชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อ Herman Berg ผ่านมาเห็นก็ถูกใจ เพราะขณะนั้นชาวอเมริกันกำลังคลั่งไคล้ตุ๊กตาหมีหรือ Teddy Bear สุด ๆ เขาจึงได้สั่งซื้อทีเดียว 3,000 ตัวเพื่อนำไปจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกา และยังสั่งเพิ่มจำนวนผลิตขึ้นอีกเป็นหมื่นตัวในภายหลัง
(เท็ดดี้ แบร์รุ่นแรกของ Steiff ::ภาพจาก :: https://creativecommons.org/)
ในช่วงปี 1906 เป็นช่วงที่เทดดี้ แบร์ได้รับความนิยมล้นหลาม เด็ก ๆ ถือตุ๊กตาหมีเดินไปมาและถ่ายรูปคู่กับเจ้าหมีของตน แม้แต่ประธานาธิบดีรูสเวลต์ยังนำเท็ดดี้ แบร์มาเป็นสัญลักษณ์ในการหาเสียงเลือกตั้งสมัยที่สอง หนังสือชุดสำหรับเด็กเกี่ยวกับการผจญภัยของหมีที่ชื่อรูสเวลต์ออกวางจำหน่าย มีคนแต่งเพลง The Teddy Bear Two Step (ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อ The Teddy Bear's Picnic) ซึ่งยังคงร้องกันมาจนถึงทุกวันนี้
Teddy Bear จึงกลายเป็นคำจำกัดความของ ตุ๊กตาหมี แม้กระทั่ง สไตฟ์ ก็ใช้คำนี้เรียกตุ๊กตาหมีของตัวเอง บริษัทผลิตตุ๊กตาถือกำเนิดขึ้นนับสิบแห่งทั้งในอเมริกาและยุโรป แข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่อครองใจผู้ซื้อจึงต่างสร้างสรรค์ตุ๊กตาออกมาหลากหลายแบบขึ้นทั้งหน้าตา อิริยาบถต่าง ๆ
เผชิญความเปลี่ยนแปลง
กระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ตุ๊กตาหมีจากเยอรมันจำต้องยุติการผลิต ทำให้เกิดโรงงานตุ๊กตาหมีใหม่ ๆ ในอังกฤษ ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ผลิต เช่น ตาที่ทำด้วยปุ่มรองเท้าบู๊ต เปลี่ยนเป็นตาที่ทำจากแก้ว ใช้วัสดุอื่นแทนนุ่นในการยัดลำตัว
ขณะที่สหรัฐอเมริกาไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามนัก อุตสาหกรรมตุ๊กตาหมียังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มาชะงักเอาเมื่อตอนประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในอีกเก้าปีต่อมา บริษัทจำนวนมากต้องปิดตัวลงเมื่อไม่สามารถลดต้นทุนในการผลิตได้ จนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 โรงงานหลายแห่งปิดตัวลงอีก เพราะแทนที่คนงานจะได้ผลิตตุ๊กตา ก็ต้องไปผลิตยุทธปัจจัยเพื่อใช้ในสงครามแทน
ประมาณปี 1950 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เท็ดดี้ แบร์กลับมาครองตลาดอีกครั้งเมื่อนักแสดงละครโทรทัศน์ชาวอังกฤษชื่อ ปีเตอร์ บูล (Peter Bull) ผู้ชื่นชอบและเป็นนักสะสม เท็ดดี้ แบร์ ตัวยงได้กล่าวถึงความรักที่เขามีต่อตุ๊กตาหมี จากนั้นจดหมายนับพันจากทุกเพศวัยก็ได้ถูกส่งมาพร้อมรูปถ่าย และแบ่งปันความรู้สึกที่พวกเขามีต่อตุ๊กตาหมีนี้เช่นกัน ปีเตอร์ บูลจึงได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ หมีกับฉัน (Bear With Me) ออกวางจำหน่ายในปี 1969 (ตอนหลังเปลี่ยนเป็น Teddy Bear Book) เพื่อเล่าถึงประสบการณ์เกี่ยวกับ เท็ดดี้ แบร์ ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตเขาเอง หนังสือได้รับความนิยมมาก และจุดกระแสให้กับเท็ดดี้ แบร์อีกครั้ง โดยคราวนี้มันไม่ได้มีสถานะเป็นเพียงของเล่นสำหรับเด็ก แต่เป็นของสะสมสำหรับผู้ใหญ่ด้วย บริษัทผู้ผลิตทั้งฝั่งอเมริกาและยุโรปจึงกลับมาคึกคัก และพยายามสร้างสรรค์ตุ๊กตาหมีออกมาหลากหลายแบบ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือทำยอดขายให้ได้สูงสุด
ปัจจุบัน Teddy Bear ยังคงได้รับความนิยมและถูกผลิตออกมามากมาย มีพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมีตั้งอยู่ในหลายประเทศ ตุ๊กตาหมีที่ผลิตในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีการประมูลกันในราคาสูงมาก สำหรับในหมู่นักสะสมยี่ห้อดังที่คนนิยมกันฝั่งเยอรมันก็คือของบริษัท Steiff ซึ่งการันตีต้นกำเนิดเป็นร้อยปีแล้ว ของฝั่งอังกฤษ เช่น Chesham อเมริกาคือ Ideal Toy Company, Vermont โดยราคาที่ประมูลซื้อขายกันนั้นขึ้นอยู่กับ บริษัทผู้ผลิต,สภาพตุ๊กตา,ปีที่ผลิต, ความหายาก, ประวัติความเป็นมาหรือ story นั่นเอง
อย่างไรก็ตามไม่ว่าตุ๊กตานั้นจะมีราคาสูงเพียงใด แต่คงเทียบไม่ได้กับมูลค่าทางจิตใจของผู้เป็นเจ้าของ ในช่วงเวลาอันยาวนานสิ่งหนึ่งที่ตุ๊กตาหมีทุกตัวยังทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คือเป็นตัวแทนของความรัก มิตรภาพ ความอบอุ่น ไม่เสื่อมคลาย
Teddy Bear แต่ละประเทศในยุคแรก
สำหรับนักสะสมความแตกต่างของ Teddy Bear มีส่วนช่วยในการแยกแยะตุ๊กตาที่ผลิตขึ้น โดยทั้งอเมริกา เยอรมัน และอังกฤษต่างก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง
American Teddy Bear หัวหมีค่อนไปทางสามเหลี่ยมกว้างแบนราบ หูกลมตั้งต่ำกว่าบนหัว ผอม แขนขายาว
German Teddy Bear ในยุคแรกการออกแบบไม่ได้คำนึงถึงตลาดของเล่นมากนัก จึงมีลักษณะที่สมจริงมากกว่า โดยดูได้จาก กรงเล็บ, ฟัน,จมูกแหลม,โหนกที่ด้านหลัง
British Teddy Bear หมีตัวแรกของฝั่งอังกฤษผลิตโดย J.K Farnell ลักษณะขนยาวกว่า หูกลม ขาใหญ่
(เท็ดดี้ แบร์ โดย J.K Farnell :: ภาพจาก :: http://creativecommons.org)
Teddy Bear เพื่อนแท้ตลอดกาล (ตอน 3)
เรียบเรียงโดย www.masamune-shop.com
อ้างอิง ::
https://www.totallyteddybears.com
https://antiques.lovetoknow.com/collectibles/antique-teddy-bears
https://en.wikipedia.org/
หน้าที่เข้าชม | 150,557 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 119,009 ครั้ง |
เปิดร้าน | 31 มี.ค. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |