หากคุณเดินเข้าไปในร้านขายตุ๊กตา เชื่อเลยว่าคุณจะพบตุ๊กตาหมีเป็นสัตว์ยืนหนึ่งประจำร้านอย่างแน่นอน ทั้งที่มีรูปลักษณ์ภายนอกน่ากลัว แต่พอกลายร่างเป็นตุ๊กตากลับทำให้เรายิ้มได้ทุกที เด็ก ๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่หลายคนก็น่าจะเคยได้ครอบครองเจ้าตุ๊กตาหมีสักตัวหนึ่งไม่ว่าจะตัวเล็ก ตัวใหญ่ หรือแม้แต่ที่ห้อยพวงกุญแจ หมียังมักปรากฏตัวตามสื่อต่าง ๆ ในรูปของพรีเซนเตอร์สินค้า โดยเฉพาะแวดวงอาหารสำหรับเด็ก เช่น ขนม นม อาหารเช้า ที่มักเลือกใช้ตัวการ์ตูนหมีเป็นตัวแทนของความเป็นมิตร แม้แต่น้ำอัดลมยี่ห้อดังก็เคยใช้หมีขาวเป็นพรีเซนเตอร์ ตลอดจนสินค้าผู้ใหญ่ เช่น เบียร์ รถยนต์
ผู้ใหญ่มักจะมอบตุ๊กตาหมีให้เด็กเพื่อไว้เป็นตัวแทนของเพื่อนแก้เหงา หรือเวลาเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล มีนัยว่าให้อดทนและเข้มแข็ง ไม่เฉพาะกับเด็กเท่านั้น ผู้เขียนเองซึ่งชื่นชอบแมวมากกว่ายังยอมรับว่าเสน่ห์ของตุ๊กตาหมีคือความอบอุ่นที่ให้ความรู้สึกเป็นเสมือนเพื่อนผู้รับฟัง (เพราะถ้าเป็นแมว เราจะอยู่ในสถานะเป็นทาสของมันแทน ) ตุ๊กตาหมีจึงมักจะเป็นของขวัญที่คนมอบให้กันเพื่อเป็นตัวแทนของมิตรภาพ ความรัก และความห่วงใย
เหตุใดเราถึงเรียกตุ๊กตาหมีว่า Teddy Bear
ตุ๊กตาหมี เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Teddy Bear (เท็ดดี้ แบร์) มาร้อยกว่าปีแล้ว ซึ่งเดิมทีมันก็เหมือนตุ๊กตาสัตว์ทั่วไป ไม่ได้มีชื่อเรียกเป็นพิเศษ กระทั่งมีเหตุการณ์ที่พลิกผันให้เจ้าตุ๊กตาหน้าขนนี้กลายเป็นของเล่นที่เด็ก ๆ ใฝ่หาและเกิดกระแสไปทั่วอเมริกาในตอนนั้น
โดยจุดกำเนิดเรื่องราวเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1902 ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลต์ (Theodore Roosevelt Jr.) ได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่มลรัฐมิสซิสซิปปี (Mississippi) เพื่อเจรจายุติกรณีพิพาทเกี่ยวกับเส้นแบ่งอาณาเขตที่มีปัญหากับรัฐลุยเซียนา (Louisiana) เจ้าภาพได้ทำการต้อนรับท่านผู้นำโดยจัดให้มีการล่าสัตว์ แต่ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ไม่มีสัตว์โผล่มาสักตัว บังเอิญคณะผู้ติดตามตาไวเห็นลูกหมีพลัดหลงตัวหนึ่งจึงไปจับตัวมาผูกกับต้นไม้ แล้วไปตามตัวประธานาธิบดีมา แต่ท่านกลับปฏิเสธที่จะยิงลูกหมี และยังสั่งให้ปล่อยมันไป
เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดัง กระทั่งนักเขียนการ์ตูนล้อการเมืองชื่อ คลิฟฟอร์ด เบอร์รีแมน (Clifford Berryman) ซึ่งประจำอยู่ที่หนังสือพิมพ์ เดอะ วอชิงตัน โพสต์ (The Washington Post) ยังรู้สึกประทับใจ วันรุ่งขึ้นเขาจึงวาดเป็นการ์ตูนลงในคอลัมน์ของตัวเองฉบับวันที่ 16 พ.ย. 1902 ในชื่อภาพ ‘Drawing the Line in Mississippi’ และนั่นยิ่งทำให้เรื่องถูกกล่าวขวัญไปทั่วเมือง ชาวบ้านต่างชื่นชมยกย่องในความถือเกียรติและศักดิ์ศรีของท่านประธานาธิบดี
(ภาพ ‘Drawing the Line in Mississippi’ ที่ปรากฏบนเดอะ วอชิงตัน โพสต์
::ภาพจาก:: smithsonianmag.com)
และในจำนวนนั้นก็รวมถึงสองสามีภรรยามิชทอม (Michtom) ซึ่งเปิดร้านขายลูกกวาดอยู่ในนิวยอร์ก คุณมอริส (Morris) ผู้เป็นสามีเมื่อได้เห็นภาพการ์ตูนฝีมือ เบอร์รีแมน ก็ได้เกิดไอเดียออกแบบและผลิตตุ๊กตาหมีจำหน่ายในปี 1903 โดยตั้งโชว์ในตู้กระจกหน้าร้านของตัวเอง แต่แค่นั้นอาจดูธรรมดาไป และเจ้าหมีเท็ดดี้อาจไม่ได้เกิด หากไม่เป็นเพราะความคิดอันบรรเจิดของเขาที่ได้ตัดภาพการ์ตูนที่ เบอร์รีแมน วาดไว้มาวางข้าง ๆ ตุ๊กตา อีกทั้งแปะป้ายเขียนตัวหนังสือไว้ว่า Teddy’s Bear อันหมายถึง หมีของเท็ดดี้ (Teddy เป็นชื่อที่คนในครอบครัวของประธานาธิบดีรูสเวลต์เรียกเขาในวัยเด็ก) ปรากฏว่าขายดีมากเป็นเทน้ำเทท่า หากเป็นสมัยนี้ก็คงเปรียบได้กับการสร้างสตอรีให้กับสินค้านั่นเอง
จนกระทั่งในปี 1907 ครอบครัวมิชทอมก็ได้ปิดร้านขายลูกกวาดแล้วก่อตั้งบริษัท Ideal Novelty and Toy ขึ้นเพื่อรองรับการผลิตตุ๊กตาหมีโดยเฉพาะ ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น Ideal Toy Company ปัจจุบันเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตของเล่นระดับโลก ซึ่งก่อนหน้าที่คุณมอริสจะนำตุ๊กตาออกวางจำหน่ายได้มีการเขียนจดหมายถึงท่านประธานาธิบดีรูสเวลต์เพื่อขออนุญาตนำชื่อเล่นของท่านมาตั้งให้กับตุ๊กตา โดยปี 1952 หนังสือพิมพ์ The Brooklyn Eagle อ้างว่ามิชทอมได้แสดงจดหมายตอบยืนยันจากท่านประธานาธิบดีซึ่งมีใจความว่า “I don’t think my name is likely to be worth much in the bear business, but you’re welcome to use it”
(Teddy Bear รุ่นแรกที่เบนจามิน มิชทอม (หลานของคุณมอริส) ได้มอบให้หลานชาย
ของประธานาธิบดีรูสเวลต์เมื่อปี 1963 ในโอกาสครบรอบ 60 ปีกำเนิดตุ๊กตา Teddy Bear
ซึ่งภายหลังได้ถูกบริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์ Smithsonian Museum //
เปรียบกับภาพบนดูซิว่าเหมือนกับในการ์ตูนที่คุณเบอร์รี่แมนวาดไว้แค่ไหนเอ่ย
:: ภาพจาก:: https://www.flickr.com)
Teddy Bear เพื่อนแท้ตลอดกาล (ตอน 2)
Teddy Bear เพื่อนแท้ตลอดกาล (ตอน 3)
เรียบเรียงโดย www.masamune-shop.com
อ้างอิง ::
https://www.totallyteddybears.com
https://antiques.lovetoknow.com/collectibles/antique-teddy-bears
https://en.wikipedia.org
หน้าที่เข้าชม | 150,557 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 119,009 ครั้ง |
เปิดร้าน | 31 มี.ค. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |